เด็กๆ เติบโตตามแรงขับที่เราสร้าง
มนุษย์เราเดินผ่านยุค information age มาแล้ว และตอนนี้กำลังเป็นยุคทองของ knowledge society ซึ่งสิ่งที่มีค่าเป็นอย่างมากในยุคนี้คือเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ เหตุผลที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะว่าเด็กคือตัวแทนแห่งอนาคต แต่เพราะช่วงวัยเด็กเป็นเวลาที่จินตนาการ และความสร้างสรรค์สามารถเติบโตได้อย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด ในทุกวั้นนี้เราจะเห็นว่าวิธีคิดหรือการใช้สัญชาตญาณแบบเด็กๆ ได้รับการหยิบยกมาเป็นกลไกสำคัญ เพื่อคิดค้นและแก้ปัญหาหลายๆ อย่างในองค์กร นั่นก็เพราะว่า "ความเป็นเด็ก" มีพลังที่สามารถทำให้ผู้ใหญ่อย่างเราๆ พัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ และการสร้างสรรค์ให้สูงขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อยังไงล่ะ
ในอดีตนั้น เรามักจะปลูกฝังลูกหลานให้เก่งเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ เพราะเราเชื่อว่าความชำนาญหรือทักษะคือสิ่งที่ช่วยให้มนุษย์ทำมาหาเลี้ยงชีพได้ แต่ในอนาคตต่อจากนี้ไป เมื่อโลกและบริบททางสังคมไม่เหมือนเดิมแล้ว สิ่งที่จำเป็นที่สุดสำหรับเด็กๆ อาจไม่ใช่แค่การพัฒนาทักษะหรือความชำนาญอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ทว่าสังคมจะต้องหล่อหลอม ประคับประคอง และเสริมสร้างเด็กรุ่นใหม่ให้เป็นคนที่รัก และกล้าที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ด้วยตนเอง เพราะนี่คือเส้นทางที่นักคิดเชื่อว่าจะนำไปสู่สังคมสร้างสรรค์ที่มีคุณภาพในอนาคต... สังคมที่ประชากรมีความสมบูรณ์ ความสุข ความอยู่ดีกินดี และท้ายที่สุด ... ความนับถือในตนเอง ไม่ลอกเลียนแบบความคิดของใคร!
ในอนาคต เด็กและเยาวชนจะเป็นผู้กำหนดชะตากรรมของสังคม ทีนี้เราลองหันกลับมามองภาพความจริง และตั้งคำถามให้ตัวเองกันสักนิดว่า เรากำลังบ่มเพาะลูกหลานในเส้นทางที่ถูกต้องแล้วหรือยัง?
พวกเด็กๆ กำลังเรียนรู้อะไร การศึกษาที่เราให้ตอนนี้จะสร้างเขาให้เป็น "นักทำ" หรือ "นักคิด" เป็น "ผู้ตาม" หรือ "ผู้นำ" และแม้ในเวลาที่เขาคิดอยู่นั้น... "เขากำลังคิดเพื่อตัวเองและสังคม" หรือ "คิดเพื่อให้เราพอใจ"...
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.tcdc.or.th/
เครดิตhttp://www.jsfutureclassroom.com/news_detail.php?nid=358
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น